ปัจจุบันคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติประกาศให้ ‘โรคโควิด-19’ เป็นโรคติดต่ออันตรายตาม พ.ร.บ. โรคติดต่อ พ.ศ. 2558 ซึ่งในขณะนี้พบผู้ป่วยติดเชื้อของ COVID-19 พุ่งสูงเกิน 80,000 ราย และมียอดผู้เสียชีวิตเพิ่มสูงกว่า 2,700 รายในหลายประเทศ ซึ่งประเทศไทยยังคงอยู่ในระยะ 2 (ระยะที่ 2 คือการเริ่มมีการติดเชื้อจากคนสู่คนภายในประเทศ ระยะที่ 3 คือการระบาดที่มีผู้ติดเชื้อเพิ่มอย่างรวดเร็ว และ ติดต่อกันเป็นวงกว้าง)
พื้นที่ที่มีการระบาดอย่างต่อเนื่อง และควรหลีกเลี่ยงการเข้าไปในสถานที่ที่มีคนพลุกพล่าน แออัด รวมถึงเลื่อนการเดินทางที่ไม่จำเป็น ได้แก่
– สาธารณรัฐประชาชนจีน : ซึ่งได้มีการระงับเที่ยวบินเข้าออกจากเมืองอู่ฮั่นตามประกาศ ตั้งแต่วันที่ 24 มกราคม 2563 และขยายเวลาถึงวันที่ 31 มีนาคม 2563
– ญี่ปุ่น : เมือง Tokyo, Kanagawa, Wakayama, Aichi, Hokkaido, Kyoto, Okinawa, Chiba, Osaka
– เกาหลีใต้ : เมือง Daegu, North Gyeongsang, Gyeonggi, South Gyeongsang, Busan, Seoul
– และอื่นๆ อย่าง ฮ่องกง, มาเก๊า, สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) และสิงคโปร์
ทางศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์ และสาธารณสุข ได้ให้คำแนะนำประชาชนทุกคนที่ต้องการเดินทางไปยังประเทศที่มีการระบาดของไวรัส COVID-19 ที่สำคัญดังนี้
- ก่อนการเดินทาง ให้ศึกษาข้อมูลและสถานการณ์การระบาดของประเทศปลายทาง
- ระหว่างการเดินทาง ให้ระมัดระวังในการเข้าไปยังพื้นที่ที่มีจำนวนคนอยู่รวมกันเป็นจำนวนมาก หมั่นล้างมือ ไม่ขยี้ตา แคะจมูก และสวมหน้ากากอนามัย
- เมื่อเดินทางกลับ ให้เฝ้าระวังอาการต่อเนื่องจนครับ 14 วัน หากมีไข้ เจ็บคอ มีอาการที่เกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ เช่น น้ำมูกไหล ไอมีเสมหะ หายใจเร็ว เหนื่อยหอบ ให้สวมหน้ากากอนามัยและรีบไปโรงพยาบาลเพื่อทำการรักษาทันที
- ผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัว ให้หลีกเลี่ยงการเดินทางไปต่างประเทศที่มีการระบาด แต่หากมีความจำเป็นต้องไปให้หลีกเลี่ยงการคลุกคลีกับผู้ป่วย หรือตลาดท่องเที่ยวที่มีการค้าขายสัตว์
- หมั่นใส่ใจสุขภาพ โดยเฉพาะช่วงที่อากาศแปรปรวน ใช้มาตรการ กินร้ิน ช้อนกลาง ล้างมือ สวมหน้ากากอนามัยและหลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้ชิดกับผู้ที่มีอาการเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ
อย่างไรก็ตามแม้ไทยจะอยู่ในการระบาดระยะที่ 2 แต่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข ระบุว่าจะพิจารณาการยกระดับสถานการณ์เชื้อไวรัสโควิด-19 เข้าสู่ระยะที่ 3 ของการระบาด เพื่อป้องกันไว้ก่อนแม้ประเทศไทยสถานการณ์โรคยังดีกว่าเกาหลีใต้อยู่มาก
ที่มา : js100, tnnthailand