จากกรณี คดีหลอกลงทุนออมเงิน “แม่มณี” ที่ทุกคนให้ความสนใจเป็นอย่างมากในเวลาช่วงนี้ ผ่านมา 3 วัน มีผู้เสียหายที่มายื่นเรื่องร้องทุกข์กับเจ้าหน้าที่ดีเอสไอจำนวน 1,800 ราย มีมูลค่าความเสียหาย 432 ล้านบาท ซึ่งถ้านับรวมกับผู้เสียหายที่เข้าแจ้งความไว้กับตำรวจอีก 200 รายโดยมีมูลค่าการเสียหายกว่า 100 ล้านบาท
สำหรับบ้านเราแล้วคดีโกงแชร์อันฉาวโฉ่นี้ไม่ได้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก หากย้อนไปเมื่อเดือนกรกฎาคม ปี 2532 คดี “แชร์แม่ชม้อย” เป็นคดีที่ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนเล่นแชร์น้ำมันที่มีผู้เสียหายกว่า 80,000 คน และรวมยอดเงินที่ถูกโกงเป็นมูลค่าถึง 4,822 ล้านบาท ซึ่งใช้เวลาในการสืบพยานนานถึง 4 ปี โดยศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุด ให้นางชม้อยและพวกรวม 10 คน มีความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน ตามประมวลกฎหมายอาญา ให้จำคุกเป็นเวลา 117,595 ปี ฐานฉ้อโกงประชาชนตามพระราชกำหนดการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ.2527 อีก 36,410 ปี รวมจำคุก 154,005 ปี แต่ประมวลกฎหมายอาญา กำหนดให้ลงโทษรวมกันทุกกระทงแล้วไม่เกิน 20 ปี ศาลจึงพิพากษาให้จำคุกนางชม้อยและพวกเป็นเวลา 20 ปี และให้คืนเงินที่ฉ้อโกงประชาชนไปรวม 510,584,645 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี ซึ่งนางชม้อยถูกจำคุกเพียง 7 ปีเศษเพียงเท่านั้นซึ่งเป็นการพ้นโทษก่อนกำหนดถึง 13 ปี เพราะได้รับอภัยโทษตามประเพณี
คดีต่อมาก็เป็นข่าวดังไม่แพ้กัน ถือเป็นอีกหนึ่งปรากฏการณ์ธุรกิจความงามที่ทางสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.)และตํารวจกองบังคับการปราบปรามให้คำจำกัดความเอาไว้ว่าเป็นแชร์รูปแบบใหม่ที่แฝงมากับการขายตรงโดยใช้กลอุบายหลอกล่อผู้หวังรวยด้วยยอดขายเพื่อดึงให้เข้ามาร่วมลงทุนตั้งแต่หลักร้อยไปจนถึงหลักแสน โดยในคดีนี้มีการใช้เหล่าดาราเกือบครึ่งวงการ ถ่ายรูปรีวิวแล้วโพสต์ลง Instagram ส่วนตัว ซึ่งในคดีนี้มีผู้เสียหายถึง 904 ราย รวมมูลค่าความเสียหายอยู่ที่ 290 ล้านบาทถือเป็นข่าวโกงแชร์ดังส่งท้ายปี2561 เลยทีเดียว
และต่อมาเป็นคดีแชร์ของ “เอมมี่ แม็กซิม” ที่เป็นข่าวครึกโครมในช่วงปลายปี 2561 เช่นกัน โดยเธอโกงเงินแชร์ไปกว่า28 ล้านบาทจากวงแชร์ของบ้านตัวเอง“บ้านเอมมี่” ซึ่งมีผู้เสียหายกว่า80 ราย ถึงแม้ว่าเจ้าตัวจะออกมาแถลงข่าวยืนยันว่าไม่ได้เป็นต้นเหตุของการโกงแชร์วงนี้เพราะเธอเองก็โดน “เปียมือที่2” โกงมาก่อนเหมือนกันแต่การกระทำของเอมมี่ที่ได้รับสิทธิเป็น “ท้าวแชร์”เป็นเจ้ามือคนแรก แล้วจู่ๆก็ออกมาโพสต์บอกลูกแชร์ว่า“ถูกโกงแชร์จึงขอยุบวง”แต่สุดท้ายกลับไปตั้งวงแชร์ใหม่ก็ทำให้ลูกแชร์วงใหญ่ปักใจว่าเธอจงใจโกงในทันที
จากหลายๆข่าวที่เกิดขึ้นเราจะเห็นว่าผู้เสียหายจะถูกหลอกให้ลงทุนก่อนที่จะให้ชักชวนคนอื่นๆ มาร่วมฝากเงินเป็นการลงทุน โดยบอกว่าจะให้ผลตอบแทนสูงในแต่ละเดือน เช่นถ้าฝากเงิน 1,000 บาท ครบ 1 เดือนจะได้ผลตอบแทน 50-90% ทำให้มีคนสนใจร่วมลงทุนเป็นอย่างมาก การกระทำที่เป็นการเชิญชวนคนหมู่มากให้มาร่วมลงทุนโดยที่ให้ผลตอบแทนที่สูงมากๆในระยะเวลาที่รวดเร็ว ให้สันนิษฐานไปก่อนได้เลยว่าการลงทุนนี้อาจจะเป็นแชร์ลูกโซ่ได้ วันนี้ GIZTIX จะมาบอกวิธีดูว่าสิ่งที่เรากำลังเจอ เข้าข่ายเป็นแชร์ลูกโซ่หรือไม่ และถ้าเราตกเป็นเหยื่อของแชร์ลูกโซ่ไปแล้ว เราจะทำอะไรได้บ้าง
7 วิธี การหลอกลวงของขบวนการแชร์ลูกโซ่ จากเว็บไซต์หลักของ www.dsi.go.th มีดังนี้
- ถูกชักชวนจากสื่อโซเชียลต่างๆ
- อ้างถึงบุคคลที่ประสบความสำเร็จจากการลงทุน
- อ้างหลักฐานและผลประโยชน์มากที่จะได้รับ
- ใช้โฆษณาชวนเชื่อ
- ลงทุนน้อยแต่ได้ผลประโยชน์ในเวลาอันสั้น
- จัดฉากการอบรบสัมมนา แสดงถึงความสำเร็จ
- ผู้ที่ลงทุนต้องหาสมาชิกเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
นี่คือกระบวนการหลองลวงของการแชร์ลูกโซ่ที่ได้การอัพเดตจาก DSI ในวันที่ 29 ตุลาคม 2562 นี้ครับ แล้วถ้าเราตกเป็นเหยื่อของกระบวนการลูกโซ่พวกนี้ เราควรทำอย่างไร
อันดับแรก ให้เก็บรวบรวมหลักฐานทุกอย่างที่เกี่ยวข้องไว้ ไม่ว่าจะเป็น หนังสือสัญญา หลักฐานการโอนเงิน เบอร์โทรศัพท์ ที่อยู่สำนักงาน หรือรูปถ่ายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง และรีบเข้าแจ้งความร้องทุกข์ เพื่อดำเนินคดีเอาผิดตามกฎหมาย โดยสามารถเข้าแจ้งความร้องทุกข์ หรือแจ้งเบาะแสที่น่าสงสัยได้ที่ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) หรือโทร. 1202 หรือแอพพลิเคชัน “DSI (กรมสอบสวนคดีพิเศษ)” ทั้งระบบ Android และ iOS เพื่อใช้ในการร้องเรียน ร้องทุกข์ แจ้งเบาะแส ได้อีกทาง
สุดท้ายนี้ทาง GIZTIX อยากให้ทุกๆคนค้นคว้าหาข้อมูลให้ละเอียดก่อนที่จะลงทุนกับอะไร การที่ลงทุนน้อย แต่ได้ผลตอบแทนมากในเวลาที่รวดเร็วนั้น มันเป็นไปได้หรือไม่ อย่างไร ถ้ารู้หลักการและแหล่งที่มา ก็จะไม่ต้องตกเป็นเหยื่อของการแชร์ลูกโซ่อีกต่อไปครับ
ข้อมูลจาก : dsi, money.kapook, sanook, mgronline
