ปัจจุบันการดำเนินธุรกิจส่วนใหญ่มักมีเรื่องของการขนส่งเข้ามาเกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นการขนส่งทางถนน ทางทะเล หรือทางอากาศ ทุกรูปแบบของการขนส่งต้องมีความรู้และความชำนาญเฉพาะทาง ซึ่งการขนส่งทางถนนนั้นนับได้ว่าเป็นการขนส่งที่ผู้ประกอบการนิยมใช้มากที่สุด เนื่องจากเป็นวิธีการขนส่งที่สะดวก รวดเร็ว สามารถขนส่งได้ปริมาณมาก และยังครอบคลุมพื้นที่ในการให้บริการอีกด้วย มีทั้งรถกระบะ 4 ล้อ, รถบรรทุก 6 ล้อ, รถบรรทุก 10 ล้อ และรถหัวลาก ซึ่งในวันนี้เราจะพูดถึงการขับรถบรรทุก 6 ล้อขึ้นไป ว่าควรเตรียมตัวอย่างไรบ้าง
ข้อควรรู้ก่อนวิ่งรถบรรทุก
1. ต้องมีใบขับขี่ประเภท 2 (ใบอนุญาตขับขี่ที่สามารถขับรถสาธารณะได้) ซึ่งใบขับขี่ประเภทนี้ ถูกแบ่งเป็น 2 ชนิด
1.1ใบอนุญาตขับรถทุกประเภท บ.2 คือ ใบอนุญาตเป็นผู้ขับรถประเภทส่วนบุคคล คือ การอนุญาตให้สามารถขับขี่เพื่อขนส่งส่วนบุคคล 1.2 ใบอนุญาตขับรถทุกประเภท ท.2 คือ ใบอนุญาตประเภทให้สามารถขับขี่เพื่อขนส่งได้ทุกประเภท ทั้งใช้สำหรับการขับขี่ขนส่งเพื่อการค้า หรือ ธุรกิจส่วนตัว และใช้ขนส่งเพื่อรับจ้าง หรือประกอบธุรกิจการขนส่งได้ เช่น การขนส่งคน การขนส่งสิ่งของ เป็นต้น
– รถบรรทุกสาธารณะ (ท.2) เช่น รถบัส, รถบรรทุก 6-10 ล้อ ป้ายทะเบียนพื้นสีเหลือง
– รถบรรทุกส่วนบุคคล (บ.2) เช่น รถบัส, รถบรรทุก 6-10 ล้อ ป้ายทะเบียนพื้นสีขาว
2. ขับรถบรรทุกต้องรู้เรื่องการจำกัดเวลาและพื้นที่วิ่งของรถบรรทุก จากสภาพการจราจรที่ติดขัดในพื้นที่กรุงเทพฯทำให้ต้องมีกฎหมายกำหนดห้ามรถบรรทุกวิ่งพื้นที่ชั้นใน
พื้นราบ
– ห้ามรถบรรทุกก๊าซ วัตถุไวไฟ ตั้งแต่ 6 ล้อขึ้นไปและรถพ่วงเดินรถในเขตกรุงเทพฯ ตั้งแต่เวลา 06.00-22.00 น. ทุกวัน เว้นวันอาทิตย์
– รถบรรทุก 6 ล้อขึ้นไป ห้ามวิ่งในเวลา 06.00 – 09.00 น. และ เวลา 16.00-20.00 น. ยกเว้นวันหยุดราชการ
– รถบรรทุก 10 ล้อขึ้นไป ห้ามวิ่งในเวลา 06.00 – 10.00 น. และ เวลา 15.00-21.00 น. ยกเว้นวันหยุดราชการ
– ห้ามรถบรรทุกอื่น เช่น บรรทุกซุง เสาเข็ม เดินรถ เวลา 06.00-21.00 น.
ทางด่วน
– รถบรรทุก 6 ล้อขึ้นไป ห้ามเวลา 06.00-09.00 น. และ 16.00-20.00 น.
– รถบรรทุก 10ล้อขึ้นไป ห้ามเวลา 06.00-09.00 น. และ 15.00-21.00 น.
– รถบรรทุกสารเคมี ห้ามเวลา 06.00-10.00 น. และ 15.00-22.00 น.
3. รถบรรทุกมีการจำกัดน้ำหนักในการวิ่งทางราบและบนทางด่วน ตามประกาศกำหนดพิกัดน้ำหนักรถบรรทุกที่เริ่มใช้เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2557 ได้กำหนดน้ำหนักของรถบรรทุกรวมน้ำหนักรถไว้ว่า
– รถ 6 ล้อต้องบรรทุกน้ำหนักไม่เกิน 15 ตัน
– รถ 10 ล้อ ต้องบรรทุกน้ำหนักไม่เกิน 25 ตัน
ทั้งนี้ระหว่างทางจะมีจุดชั่งน้ำหนักรถให้บริการอยู่ หากรถบรรทุกน้ำหนักเกิน หรือฝ่าฝืน มีโทษจำคุกไม่เกิน 6 ปี ปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ (อ้างอิงจาก สำนักงานควบคุมน้ำหนักยานพาหนะ)
4. ผ้าใบคลุมรถต้องมีความแน่นหนา เพราะสภาพอากาศอาจเปลี่ยนแปลงได้ระหว่างทาง ทั้งฝนตก หรือพายุ อาจทำให้ข้าวของที่บรรทุกมาเกิดความเสียหายได้ หรือหล่นลงมาจากรถบรรทุก แล้วไปตกใส่รถคันหลังทำให้เกิดอุบัติเหตุ ดังนั้นตามกฎหมายก็มีกำหนดระยะยื่นจากท้ายรถและความสูงเอาไว้ การคลุมผ้าใบนั้นต้องใช้ผ้าใบสีทึบ เพื่อไม่ให้ส่งแสงสะท้อนสู่ผู้ขับขี่ร่วมทาง รวมถึงการบรรทุกของอื่น ๆ ที่ต้องยึดติดกับตัวรถให้มีความแข็งแรงพอที่จะป้องกันไม่ให้สิ่งของรั่วไหล ตกหล่น ที่อาจก่อให้เกิดอันตรายแก่บุคคลอื่นได้ หากรถบรรทุกฝ่าฝืนไม่คลุมผ้าใบทำให้มีของตกหล่น จะมีโทษปรับตาม พ.ร.บ.การขนส่งทางบก พ.ศ.ศ 2522 มาตรา 32 (3) ว่าตัวเจ้าของบริษัทผู้ประกอบการมีโทษปรับสูงสุด 50,000 บาท และนายทะเบียนอาจพักใช้หรือเพิกถอนใบอนุญาต ส่วนคนขับมีโทษปรับไม่เกิน 5,000 บาท และหากเกิดความเสียหายแก่บุคคลอื่น ผู้ประกอบการต้องชดใช้ตามกฎหมายแพ่งและพาณิชย์อีกด้วย (อ้างอิงจาก กรมการขนส่งทางบก)
5. รถบรรทุกต้องเปิด GPS ตลอดเวลา ตามกฎหมายใหม่ที่เริ่มบังคับใช้อย่างจริงจังในปี พ.ศ. 2562 เป็นต้นไปเกี่ยวกับการติดตั้ง GPS Tracker ของรถบรรทุก คือรถใหญ่อย่างรถเมล์หรือรถทัวร์ (รถโดยสารสาธารณะ) และรถบรรทุกลากจูงขนาดใหญ่ ต้องส่งสัญญาณติดตามให้แก่กรมขนส่งได้ติดตามรถได้ตลอดเวลา เพื่อจะได้ทราบความเร็วขณะขับขี่ และพิกัดของตัวรถส่งให้กรมขนส่งติดตามได้ หากไม่ติดตั้งเครื่องนี้ หรือไม่ดูแลรักษาสภาพเครื่องให้ส่งสัญญาณ GPS ได้ตามปกติ ตัวผู้ขับขี่เองมีโทษ ไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดว่าด้วยความปลอดภัยในการขนส่งตามกำกระทรวง มีโทษปรับตั้งแต่ 1,000 – 5,000 บาท
6. ตรวจสอบน้ำมันให้เพียงพอกับระยะทาง เพราะการเข้าจอดเทียบเพื่อเติมน้ำมันรอบใหม่แต่ละครั้งนั้นกินเวลา และต้องต่อคิวนาน รวมถึงปั๊มสำหรับเติมน้ำมันรถบรรทุกนี้ไม่ได้สะดวกทุกที่ จะต้องเข้าจอดในปั๊มเฉพาะรถบรรทุกอันมีพื้นที่เพียงพอให้เลี้ยวเข้าจอดและหักเลี้ยวกลับรถได้ถนัดกว่าด้วย
GIZTIX แอปพลิเคชันและเว็บไซต์ที่ให้บริการจองรถขนส่งแบบเหมาคัน ที่ใช้งานง่าย สะดวกรวดเร็ว และปลอดภัย ซึ่งคุณสามารถเช็คราคาค่าขนส่งและติดตามสถานะได้ด้วยตนเอง ไม่ต้องเสียเวลาในการนั่งหาข้อมูลหรือโทรไปติดต่อสอบถามทั้งค่าบริการและสถานะการขนส่งให้ยุ่งยาก ซึ่งสามารถเลือกรถขนส่งให้เหมาะกับประเภทสินค้าของคุณ โดยทาง GIZTIX มีรถขนส่งให้ท่านเลือกใช้บริการดังนี้
- รถขนส่ง 4 ล้อ ตู้ทึบ และตู้คอก
- รถขนส่ง 6 ล้อ ตู้ทึบ, ตู้คอก, ตู้ทึบมีลิฟท์ท้าย และรถบรรทุกติดเครน(รถเฮี๊ยบ)
- รถขนส่ง 10 ล้อ ตู้ทึบ, ตู้คอก และตู้ทึบมีลิฟท์ท้าย
- รถหัวลากพื้นเรียบ รถหัวลาก สำหรับตู้ 20” GP และรถหัวลาก สำหรับตู้ 40” GP/HQ