ตลอดหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ทั่วทั้งประเทศไทยประสบกับปัญหาค่าฝุ่น PM2.5เกินมาตรฐานในหลายพื้นที่โดยเฉพาะพื้นที่เขตกรุงเทพมหานครที่ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตและสุขภาพของประชาชน เพราะหากสูดดมฝุ่นพิษเข้าไปมากๆ เสี่ยงที่จะเป็นโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ มะเร็งปอด หัวใจขาดเลือด ซึ่งนอกจากความกังวลเรื่องสถานการณ์ฝุ่นPM2.5 แล้วยังมีโรคระบาดอย่าง “เชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019” ที่สามารถติดต่อจาก “คนสู่คน” ผ่านระบบทางเดินหายใจ
โดยเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ถูกพบครั้งแรกที่เมืองอู่ฮั่น มณฑลเหอเป่ยของจีน ช่วงปลายปี 2562 ก่อนที่จะระบาดไปยังประเทศอื่นๆทั่วโลก ซึ่งสำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่าขณะนี้กระทรวงสาธารณสุขของจีนประกาศจำนวนผู้ป่วยโรคปอดอักเสบจากเชื้อเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ยอดรวมกว่า 830 ราย ส่วนในต่างประเทศพบผู้ป่วยทั้งในสหรัฐ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ไต้หวัน มาเก๊า และประเทศไทย ซึ่งเป็นประเทศแรกที่พบผู้ติดเชื้อนอกประเทศจีน เป็นชาวจีนที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย โดยข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุขยืนยันว่า พบผู้ติดเชิ้อในประเทศไทยแล้วทั้งหมด 5 ราย เป็นชาวจีน 4 ราย ซึ่งหายดีและเดินทางกลับประเทศแล้ว 2 ราย อีก2รายยังคงรักษาตัวและเฝ้าดูอาการในประเทศไทย ส่วนผู้ป่วยคนไทยรายแรก เป็นหญิงอายุ 73 ปี ซึ่งเดินทางกลับมาจากเมืองอู่ฮั่น (ข้อมูลวันที่ 24 มกราคม 2563)
โคโรนาไวรัส (Coronavirus: CoV) เป็นไวรัสกลุ่มใหญ่ที่พบได้ทั้งในคนและในสัตว์ ถูกแยกเชื้อออกมาได้ครั้งแรกเมื่อ 55 ปีก่อน โดยนักไวรัสวิทยาชาวอังกฤษ ส่วนโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ พบครั้งแรกในเมืองอู่ฮั่นของจีน เมื่อปลายปีที่ผ่านมา ผู้ป่วยส่วนใหญ่เป็นเจ้าของร้าน ลูกจ้าง หรือลูกค้าที่เคยมาซื้อของที่ตลาดอาหารทะเล Huanan ใจกลางเมืองอู่ฮั่น
สำหรับอาการป่วยด้วยไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2019 ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อ ระบุว่า มีลักษณะหลายกลุ่ม ตั้งแต่เป็นหวัดเพียงเล็กน้อยไปจนถึงการป่วยรุนแรงจนเสียชีวิต อาทิ อาการคล้ายไข้หวัด คือ น้ำมูกไหล ไอ เจ็บคอ, กลุ่มอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ เช่น ไข้สูง ปวดหัว ปวดเมื่อยตามตัว ไอ หรือเป็นกลุ่มอาการปอดอักเสบซึ่งมีทั้งรุนแรงและไม่รุนแรง การระบาดของโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ 2019 เริ่มจาก ในฤดูหนาวของเมืองอู่ฮั่น ประมาณกลางเดือนธันวาคม 2019 เริ่มมีผู้ป่วยโรคปอดอักเสบ ซึ่งมีอาการไข้สูง ไอแห้งๆ อ่อนเพลียเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลจำนวนหลายราย ในจำนวนนี้มี 7 รายที่มีอาการรุนแรง ผลการตรวจเบื้องต้นคาดว่าเกิดจากเชื้อไวรัส ในขณะนั้นองค์การอนามัยโลก(WHO) เรียกโรคนี้ว่า ‘โรคปอดอักเสบที่ไม่ทราบสาเหตุ’ (pneumonia of unknown cause) มีข่าวลือว่านี่อาจเป็นโรคซาร์สที่เคยระบาดในจีนเมื่อสิบกว่าปีก่อน จนกระทั่งวันที่ 7 มกราคม 2020 ก็มีการประกาศอย่างเป็นทางการว่าเป็นเชื้อ ‘โคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่’
ในขณะนี้คาดว่าไวรัสสายพันธุ์ใหม่นี้ติดต่อจากสัตว์สู่คน เหมือนกรณีโรคซาร์สและเมอร์สที่ผ่านมา สำหรับประเทศไทยได้มีเปิดศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉิน (EOC) เพื่อเฝ้าระวังผู้ป่วยที่เดินทางมาจากเมืองอู่ฮั่นอย่างเข้มข้น นักท่องเที่ยวทุกคนจะได้รับบัตรเฝ้าระวังสุขภาพ (Health Beware Card) ให้สังเกตอาการและยื่นให้กับโรงพยาบาลทราบเวลาไปตรวจรักษา ผู้ป่วยที่มีอาการเข้าข่ายคจะถูกกักจนกว่าจะตรวจยืนยันเชื้อได้ ส่วนถ้ายืนยันว่าติดเชื้อสายพันธุ์ใหม่จริงก็จะมีการติดตามญาติที่เดินทางมาด้วยกันมาตรวจหาเชื้อด้วย ส่วนสำหรับคนทั่วไปควรดูแลสุขอนามัยตามปกติ แต่สำหรับผู้ที่ต้องเดินทางไปยังเมืองอู่ฮั่น จะต้องหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับสัตว์หรือซากสัตว์ หลีกเลี่ยงการไปตลาดสด ไม่ควรสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยที่มีอาการทางเดินหายใจ เช่น ไอ น้ำมูก ล้างมือด้วยสบู่หรือแอลกอฮอล์เจล
เอาจริงๆแล้วทั่วโลกต้องระวังกับการระบาดของโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ 2019 นี้ เพราะช่วงเทศกาลตรุษจีนซึ่งคาดว่าจะมีประชากรจีนเดินทางไปท่องเที่ยวทั่วโลกกว่า 1.4 พันล้านคนและเราไม่มีทางรู้เลยว่า ในจำนวน 1.4 พันล้านคนนั้น จะมีผู้ติดเชื้อ ‘ไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2019′ หรือไม่ ทางที่ดีเพื่อนๆควรจะใส่หน้ากากปิดปากให้เป็นนิสัย เพื่อป้องกันตัวเองในระดับหนึ่งจากไวรัสโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ 2019 และจากฝุ่น P.M 2.5 ที่ปกคลุมทุกพื้นที่
อ้างอิงจาก : thairath, themomentum, sanook